วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555


ตู้ดับเพลิงเพื่อประชาชน

วันก่อน ทีมข่าว ฅนตระเวน สายรอบนอก (ชานเมือง) ได้มีโอกาสซอกแซกโฉบเฉี่ยว แวะไปหาข่าวที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขน  มาเที่ยวนี้ถือเป็นโอกาสเหมาะพอดิบพอดี เพราะมาแต่ละครั้งส่วนใหญ่ก็จะต้องมาทำข่าว เลยไม่ค่อยมีเวลาว่างจะถาม ที่มาของ “ตู้ดับเพลิง” ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บริเวณบันไดทางขึ้นโรงพัก เหยี่ยวข่าวเห็นตำรวจนำตู้มาติดตั้งได้นานแล้ว ก็เลยอยากจะรู้ความเป็นมาสักหน่อย เพราะตู้ดับเพลิงออกแบบได้ชนิดเก๋ไก๋สะดุดตา เพราะมีหลังคาเล็ก ๆ ทำเป็น “หมวกดับเพลิงโบราณ” ไว้บังแดดฝน เรียกว่าสร้างความแปลกตาให้กับบรรดาผู้ที่สัญจรผ่านไปผ่านมา รวมไปถึงผู้มาติดต่อธุระบนโรงพักไม่น้อย
งานนี้เลยต้องเข้า ไปเลียบเรียงถามไถ่จาก ด.ต.อาทร ชนะภา ผบ.หมู่ งานจราจร สน.บางเขน  เล่าถึงความเป็นมาให้ฟังว่า ไอเดียตู้ดับเพลิงอันนี้เป็นความคิดของท่าน พ.ต.ท.จุมพล คณานุรักษ์ อดีตรอง ผกก.(จร.) สน.บางเขน   ที่คิดและออกแบบให้ มี “ตู้ดับเพลิงฉุกเฉิน” ไว้ประจำสถานีตำรวจนครบาลบางเขนและบริเวณสถานที่ใกล้เคียง หากเกิดเหตุไฟไหม้แบบไม่คาดฝัน จะสามารถเปิดประตูคว้า ถังดับเพลิง ที่ติดตั้งเอาไว้ 2 ถังด้วยกัน เพื่อนำไปฉีดดับไฟเบื้องต้นได้ทันท่วงที โดยมีการออกแบบหลังคาที่บนตู้ให้เป็นหมวกมีลักษณะเหมือนหมวกตำรวจดับเพลิงทรงโบราณในสมัยก่อน นอกจากจะสะดุดตาแล้วยังช่วยบังแดดบังฝนได้อีกด้วย
นอกจากจะมีการติดตั้งตู้ดับเพลิงแล้วยังทำป้ายสัญญาณเตือนกะพริบสีเหลืองอีก 2 ชุด ซึ่งไว้สำหรับข้ามทางม้าลายตามแยกไฟแดงเป็นการเตือนคนใช้รถให้ระวังคนข้ามถนน โดยทาง รพ. เซ็นทรัลเยนเนอรัล ช่วยสนับสนุนเรื่องงบประมาณ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนทั่วไปหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
ไอเดียแบบนี้โรงพักไหนจะนำไปต่อยอดดัดแปลงให้ดียิ่งขึ้นก็คงไม่ว่ากันนะคร้าบ แต่ถ้าจะให้เด็ดคงต้องอุ้ม ’จ่าเฉย“ มายืนเคียงคู่กัน หรือแปลงโฉมจ่าเฉย ใส่ชุดตำรวจดับเพลิงสมัยก่อนก็คงจะเท่ไม่ใช่เล่น!!.






เร่ง'ตีปี๊บ'แก้สถานการณ์ถูก'ตีกิน




การถกร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 56 วงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร “ไฮไลต์” หลักอยู่ที่ 2 เรื่องหลัก ที่กำลังเป็นที่ “จับตา” และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากอยู่ในขณะนี้

เรื่องหนึ่งคือ โครงการรับจำนำข้าว กับอีกเรื่องคือ โครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท

กรณี “จำนำข้าว” นั้น ใช่แต่ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์จะ “กัดไม่ปล่อย” เท่านั้น ภาคเอกชน ตลอดจนนักวิชาการ โดยเฉพาะจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ ก็ยัง “ตั้งวง” วิเคราะห์ด้วยว่า หากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยัง “ดึงดัน” เดินหน้า จะทำให้เกิดการ “ขาดทุน” ในโครงการนี้อย่างมโหฬาร

นโยบายในเรื่องการแก้ไขปัญหา สินค้าเกษตร เป็น “ปัจจัย” ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ที่ชูนโยบาย “ประกันราคา” กับพรรคเพื่อไทยที่ประกาศเดินหน้า “รับจำนำ”

ถึงวันนี้ต้องยอมรับว่า “รับจำนำ” นั้นเกิดการทุจริตขึ้นแล้ว ขนาดคนของรัฐบาลเองก็ยังออกมายอมรับว่า “มีบ้าง” พร้อมกับตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี มา “จัดการ” กับการทุจริตที่เกิดขึ้น

โครงการ “รับจำนำข้าว” นั้นในฤดูกาลที่ผ่านมาใช้เงินไปแล้วนับแสนล้านบาท แต่รัฐบาลจะใช้เงินอีกนับแสนล้านบาทเพื่อ “รับจำนำ” ต่อไป

ขณะที่กรณี โครงการแก้น้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้ “เงินกู้” มาถึงวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

ต้องบอกว่า 2 เรื่องใหญ่ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหน้าที่ “ตรวจสอบ” อยู่นั้น ได้ทำให้เกิด “คำถาม” ขึ้นมาอย่างมากมาย  จากเดิมที่ “ถกเถียง” กันอยู่แค่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การสร้างความปรองดอง

ตามธรรมชาติการเมือง ยิ่งมี “คำถาม” หรือ “ความสงสัย” เกิดขึ้นกับรัฐบาลมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสะท้อนว่า การทำงานของฝ่ายค้านมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น

เชื่อว่าเมื่อ “ยกแรก” อย่างร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 56 ผ่านไป ก็จะมีแต่ “คำถาม” ให้รัฐบาลต้องตามตอบ พอขึ้น “ยกที่ 2” อย่าง การแถลงผลงานรัฐบาล 1 ปี ก็คงจะยิ่งทวีความเข้มข้นมากขึ้น

อย่าได้แปลกใจหาก “มือประชาสัมพันธ์” อย่าง นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะ “พลิกตำรา” เร่งเครื่องให้ทุกส่วนของรัฐบาลเร่ง “ชี้แจง” ผลงานในทุก “รูปแบบ”

ล่าสุดวันที่ 30 ส.ค. ที่จะถึงนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะแถลง “ข่าวใหญ่” เรื่องการบริหารจัดการน้ำในทุกแง่ทุกมุม ที่ห้องคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว โดยจะเป็นการแจ้ง “ข้อมูล” ให้ประชาชนได้รับทราบว่าที่ยืนยันว่าปีนี้ “เอาอยู่” นั้นรัฐบาลทำอะไรไปบ้างตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

งานนี้จะใช้เวลา “3 วัน” รวมทั้งจะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมรับฟัง จะได้รู้กันไปเลยว่า ที่ไหนน้ำจะท่วมแน่นอน ที่ไหนต้องเฝ้าระวัง

แทนที่จะพูดกับฝ่ายค้าน ก็หันมาพูดกับประชาชนแทนซะเลย.